Reading English



Effects Of Air Pollution 
On Environment



ผลกระทบมลพิษของอากาศที่มีต่อสิ่งแวดล้อม

1.Wildfire 0.4%                                                            ไฟป่า 0.4%

2.Earthquake Thunamal & Volcano 1.5%            แผ่นดินไหวสึนามิและภูเขาไฟ 1.5%

3.Coastal Erosion & Storm surge 2.3%                การกัดเซาะชายฝั่งและคลื่นพายุ 2.3%

4.Avalanche & Landslide 0.9%                                หิมะถล่มและการถล่มทลาย 0.9%





เทคนิคการทำข้อสอบ Reading

   

         ในการทำข้อสอบ Reading นั้น ส่วนที่มีความสำคัญมาก คือ Reading  comprehension  (ความเข้าใจในการอ่าน)  ครูให้ความสำคัญกับการอ่าน  ครูขออธิบายแบบสั้นๆ  นะคะ  เพราะความจริงแล้วเทคนิคการอ่านมีมากมายจริงๆ  เอาแค่ที่ครูเปิดสอนนักเรียน  ม.ปลาย  ที่โรงเรียนก็มีตั้ง  6  คอร์ส  และถ้าเราฝึกเทคนิคการอ่านให้เก่งๆ  เราก็จะโกยคะแนนในส่วนนี้ได้มากกว่าคนอื่น  (ซึ่งมักจะคิดว่า  Reading  คือ  ต้องเดาเสมอ)  ใน  Reading  Part  จะแบ่งออกเป็น  2  ส่วน  คือ ส่วนที่เป็นการอ่านสื่อต่างๆ  ในชีวิตประจำวัน  เช่น  ข้อความจากหนังสือพิมพ์  ,  พจนานุกรม , แผนภูมิ , ตาราง  ,การพยากรณ์อากาศ , ฉลากยา  เป็นต้น  การอ่านข้อความประเภทนี้  ต้องใช้ทักษะการอ่านแบบ  skim  คือ  การกวาดตาอย่างเร็วๆ  เพื่อดูข้อมูลทั่วๆไป และ  scan  คือการกวาดตาอย่างเร็วๆ  เพื่อหาจุดมุ่งหมายที่ต้องการ    
         ส่วนที่สอง  เป็นการอ่านเนื้อเรื่องความยาวประมาณ  10-20  บรรทัด  แต่ละเรื่องจะมีคำถามเรื่องละ  6-9  ข้อ  ขึ้นอยู่กับความยาวและความยากง่ายของเนื้อเรื่อง  คำถามที่จะปรากฏอยู่ในข้อสอบอ่าน  จะมีคำถามหลักดังนี้

1.  ถาม  title  หรือ  topic  (ชื่อเรื่อง) , main  idea  (ความคิดหลักของเรื่อง)  วิธีการตอบคำถามประเภทนี้สามารถใช้เทคนิคในกรหาคำตอบได้ดังนี้

         
-  ใช้วิธี  skim  และ  scan  คือการกวาดตาอย่างรวดเร็ว  เพื่อหาคำซ้ำๆ  ในเรื่อง  ซึ่งเป็นคำที่ซ้ำๆ ที่อยู่ในกลุ่มคำที่น่าจะสัมพันธ์กัน  นำมาประมวลรวมกันเพื่อรวมเป็นหัวเรื่องหรือแนวคิดหลักของเรื่อง
          -  ถ้าเนื้องเรื่องที่อ่านมีเพียง  1-2  ย่อหน้า  ให้อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของย่อหน้าแรก  เพราะปะโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า  มักจะเป็นประโยคที่มี  main  idea  แล้วนำประโยคที่อ่านมาประมวลความคิด  เพื่อหาความคิดหลักของเรื่อง

          ถ้าเนื้อเรื่องที่อ่านมีตั้งแต่  3 ย่อหน้าขึ้นไป  ให้อ่านย่อหน้าแรกและย่อหน้าสุดท้าย  เพราะย่อหน้าแรกมักจะเป็นคำนำ  และย่อหน้าสุดท้ายมักจะเป็นสรุป  ซึ่งจะทำให้เราสามารถจับใจความหลักของเนื้อเรื่องที่เราอ่านได้

          ครูขอให้จำไว้เสมอว่า  title , topic  หรือ main idea  ของเรื่องจะต้องไม่กว้างมากเกินไปหรือไม่แคบเกินไป  ถ้าครูจะเปรียบความคิดหลักของเรื่องก็คล้ายๆ  กับฝาชี  เรามีฝาชีไว้ครอบจานอาหาร  ฝาชีนั้นต้องครอบอาหารได้ทุกจาน  ไม่มีจานใดจานหนึ่งเล็ดลอดออกมา  ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ใหญ่จนเกินไป เช่น  ถ้าเราจับได้ว่าคำซ้ำๆ  กันในเนื้อเรื่องคือ  tiger , leopard , zebra , hare, snake  ดังนั้น  title  หรือ  topic  ก็ควรจะเป็น  wild  animals  ถ้าเราเลือก  animal  เฉยๆ  ก็มักจะกว้างเกินไป  จริงไหมคะ

2.  ถาม  pronoun  reference  นั่นก็คือคำถามประเภท  “it”  line…..refers  to….  คิดว่าคงเคยเจอบ่อยๆ  เลยใช่ไหมคะ  เทคนิคการทำข้อสอบประเภทนี้มี  2  วิธีค่ะ  คือ

          -  ถ้าข้อสอบถามถึงคำประเภท  เช่น  he , she , they , we ,
this , that , there , these , those , one , such , the above  เราต้องใช้วิธีการ  backward  คือ  ถอยหลังกลับไปอ่านในประโยคก่อนหน้านี้  1-2  ประโยค  ถ้าไม่เจออาจจะถอยไปประโยคที่  3  แต่โอกาสที่จะถอยไป  3 ประโยค  หรือเกินกว่านี้มีน้อยมากค่ะ  เพราะตามหลักของการเขียนจะไม่อ้างอิงหลายประโยค  เพราะอาจทำให้ผู้อ่านสับสน

          -  ถ้าข้อสอบถามถึงคำประเภท  เช่น  the  following , as follows , bello , like , in this  following  เราต้องใช้วิธีการ  forward  คือ  อ่านต่อไปอีก  1-2  ประโยค  ก็จะได้คำตอบค่ะ

          -  ถ้าข้อสอบถามถึง  it ให้ดูให้ดีว่า  it  ตัวนี้จะใช้วิธี  backward  หรือ  forward  ครูขอให้นักเรียนสังเกตอย่างนี้นะคะ  ถ้าโจทย์ให้ประโยคแบบ  it + to be  (is , am , are , was , were)  +  adj.  +  to  V.  เช่น  It  is  dangerous  to  use  this  drug.  ให้ใช้วิธี  forward  คือ  เดินหน้ามาจาก  it  คำตอบก็คือ  to  V.  ในที่นี้ก็คือ  to  use  this  drug.  เพราะประโยคแบบนี้เป็นการ  Rewrite  มาจาก  To  use  drug  is  dangerous.  แล้วเราก็เอา  it  มาแทน  subject  ของประโยค  คือ  To  use  drug  ค่ะ  (ตั้งสติทำความเข้าใจให้ดีๆ นะคะ)

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  เมื่อได้ตัวที่เราคาดว่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้ว  อย่าลืมนำคำที่เราเลือกแล้วมาวางแทนที่คำปริศนาคำนั้นดูด้วยนะจ๊ะ  ว่าใส่ลงไปแล้วมันใช้ได้  มีใจความเหมาะสมหรือไม่  กันพลาดค่ะ

FROM..www.vcharkarn.com/varticle/40099





The Serpent and the File 
(งูกับตะไบ)



A Serpent in the course of its wanderings
came into an armorer’s shop.
As he glidede over the floor
he felt his skin pricked by a file lying there.
In a rage
He turned round upon it
and tried to dart his fangsinto it,
but he could do no harm to heavy iron
and soon to give over his wrath

งูพิษตัวหนึ่ง ขณะเลื้อยไปตามสถานที่ต่างๆ
จนมันได้เข้าไปถึงโรงงานทำเสื้อเกราะแห่งหนึ่ง
ขณะที่มันเลื้อยไปตามพื้น
มันรู้สึกได้ว่าผิวหนังของมันถูกทิ่มแทงอยู่โดยตะไปอันหนึ่ง ซึ่งวางอยู่บนพื้น
ด้วยความโมโห
มันจึงเอาตัวรัดตะไบนั้น
และพยายามฉกกัดตะไบอันนั้น
แต่มันก็ไม่สามารถทำอันตรายต่อตะไบอันนั้นได้แม้แต่น้อย
ในที่สุดมันก็เลิกล้มความตั้งใจและจากไปในที่สุด

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่มีประโชน์อันใดที่จะไปโกรธแค้นหรือทำลายสิ่งที่ไม่มีชีวิตหรือจิตใจ โกรธมากก็ยิ่งเจ็บตัวมาก

FROM..http://www.nithan.in.th/the-serpent-and-the-file-งูกับตะไบ





The Lion and the Mouse 
(สิงโตกับหนู)



Once when a Lion was asleep,
a little mouse began running up and down upon him;
this soon wakened the Lion,
who placed his huge paw upon him,
and opened his big jaw to swallow him.
Pardon, O King,”
cried the little Mouse;
forgive me this time,
I shall never forget it.
Who knows
what I may be able to do you a turn some of these days?”
The lion was so tickled at the idea of the Mouse
being able to help him,
that he lifted up his paw and let him go.
Some time after
the lion was caught in a trap,
and the hunters, who desired to carry him alive to the king,
tied him to a tree
while they went in search of a waggon to carry him on.
Just then the little Mouse happened to pass by,
and seeing the sad plight in which the lion was,
went up to him
and soon gnawed away the ropes
that bound the King of the Beasts.

มีอยู่คราวหนึ่ง มีสิงโตตัวหนึ่งนอนหลับอยู่
ได้มีหนูเล็กๆ ตัวหนึ่ง วิ่งขึ้นวิ่งลงบนสิงโตตัวนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ในไม่ช้าไม่นานสิงโตก็ตื่นขึ้น
และได้ใช้อุ้งเท้าขนาดใหญ่ตะปบมันเอาไว้
พร้อมกับอ้าปากกว้างเตรียมที่จะกินหนูตัวนั้นลงไปในท้ิงของมัน
“อภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเถิดท่านเจ้าป่า
หนูตัวเล็กกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว
ยกโทษให้ข้าพเจ้าสักครั้ง
แล้วข้าพเจ้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย
ใครจะรู้ว่าสักวันหนึ่งข้าพเจ้าอาจตอบแทนท่านได้
สิงโตขำมาก เมื่อได้ฟังความคิดของหนู
ว่าสามารถจะช่วยตนได้
จึงยกอุ้งเท้าหน้า ออกเพื่อปล่อยหนูไป
หลังจากนั้นไม่นาน
สิงโตตัวนั้นได้บังเอิญไปติดกับดักของนายพรานเข้า
ฝ่ายนายพรานเห็นเข้าว่ามีสิงโตมาติดกับดักของตน
จึงช่วยกันจับสิงโตเพื่อที่จะนำไปถวายให้กับพระราชา
จึงช่วยกันผูกมันไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง
แล้วพวกเขาก็ไปหารถมาเพื่อบรรทุกสิงโตไป
ขณะนั้นเจ้าหนูน้อยตัวที่สิงโตปล่อยไปบังเอิญผ่านมา
และเห็นสิงโตถูกจับมัดเอาไว้
จึงเดินเข้าแล้วกัดแทะเชือก
ที่มัดราขาแห่งสัตว์ป่านั้นจนขาดออก
สิงโตตัวนั้นจึงหนีออกมาได้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การสร้างกุศลในวันนี้ย่อมให้ผลดีในวันหน้า

FROM..http://www.nithan.in.th/the-lion-and-the-mouse-สิงโตกับหนู



คำคม




The most successful people in the world
Have made many mistakes 
And experienced far more failure than the rest.

คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
คือคนที่พบเจอความผิดพลาดและความล้มเหลวมามากกว่าคนอื่น






Do not allow what you cannot do,
Interfere with what you can do.
You can reach your dreams faster
Doing things you're good at.

อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่คุณทำได้
คุณสามารถเอื้อมคว้าความฝันให้เร็วขึ้นได้
หากเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก







Don't take other people's criticism to heart.
Instead, Listen to what they are saying
And learn from it.

อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจ
แต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า

                               FROM..hilight.kapook.com/view/71053













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น